
คำเตือน:รูปที่ถ่ายนี้ ถ่ายโดยมือสมัครเล่น ถ่ายเป็นแค่ออโต้ โดยXT10 16-50 ไม่แต่งรูปใดๆ เพราะอ่อนเทคโนโลยีทุกสิ่งอย่าง รูปอาจสวยบ้าง ไม่สวยบ้างเอียงบ้าง ถือว่าดูเล่นๆไปนะคะ ส่วนตัวก็คิดว่า คงสวย55 แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่ากล้องดีแค่ไหน รูปสวยแค่ไหน ก็ไม่สวยเท่าดูด้วยตาตัวเองค่ะ ของจริงสวยกว่ารูปมากๆ นี่คือเหตุผลที่เราควรออกไปท่องเที่ยวด้วยตัวเองนะคะ เรื่องราวระหว่างทางก็เป็นอะไรที่ประทับใจมากต่างๆกันไปในแต่ละทริป โดยรวมทริปนี้สนุก สวยงาม ประทับใจ ให้ 10เต็ม10เลยค่ะ ส่วนบางรูปที่สวยคมชัดมากๆนั่น ยืมมาจากกล้องเพื่อนค่ะ cannon+เลนส์ใหญ่ๆ แลดูมืออาชีพมาก
ส่วนรูปแบบการโพสนี้ ตั้งใจเก็บไว้เป็นบันทึกการเดินทางของตัวเองด้วย จึงออกแนวโม้ซะมาก คิดซะว่าฟังเพื่อนโม้ละกันนะคะ หากรายละเอียดเลอะเทอะยืดยาวไปบ้างต้องขออภัย แต่ก็หวังว่าจะมีข้อมูลบางส่วนที่พอเป็นประโยชน์กับคนที่แพลนจะไปได้บ้างนะคะ มือใหม่หัดโพสขอฝากตัวด้วยค่า
เริ่มต้นจากที่เพื่อนคนหนึ่งได้ไปเที่ยวที่icelandก่อนหน้าเรา ตั้งแต่หน้าร้อน3ปีที่แล้ว รูปสวยมาก ประกอบกับเป็นประเทศในฝันอยุ่แล้ว เลยเกิดทริปนี้ขึ้นมา ขั้นแรกก็คิดว่าจะเจอมั้ยนะแสงเหนือนี่ พยากรณ์บอกมันลดลงๆทุกปีละ ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว จะชวดมั้ยถ้าไปหน้าหนาว หรือจะไปกค.แบบเพื่อนดี หน้าร้อนก็สวยมาก ตกลงใจว่าจะลองลุ้นหน้าหนาวนี่แหละ ไหนๆก็จะไปทั้งที เสี่ยงดวงกันหน่อย ตกลงใจได้ขั้นต่อมาก็หาเพื่อนสิคะ จะรออะไร เป็นคนไม่ชอบเที่ยวคนเดียวค่ะ ชอบมีเพื่อนเฮฮาเม้ามอยสนุกสนาน เคยแยกตัวไปเที่ยวคนเดียวที่เกียวโตครึ่งวัน รู้สึกเงียบเหงามาก น้ำลายบูดไปเลย ปัญหาแรกของการหาเพื่อนเที่ยวเมื่ออายุเราล่วงเลยมาถึงวัยกลางคนแล้ว(ปวดใจจัง)ก็คือเพื่อนเที่ยวหายากพอๆกับหาแฟนค่ะ เพื่อนสนิทที่เคยกอดคอกันตะลอนเที่ยวต่างแต่งงานมีลูกมีครอบครัว งานรัดตัว วันลาก็น้อย วันว่างก็ไม่ตรงกัน เลยชวนเพื่อนสมัยเรียนที่ยังโสด ได้สมาชิกเริ่มต้นมา3คน แพลนจะไปตค.-พย.59 ชวนกันตั้งแต่ กค.58ค่ะ555 จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกเข้าออกหลายรอบมาก จนมาลงตัวที่ผู้เข้ารอบ5คนสุดท้าย จ้องตั๋วโปรกันทุกวัน จนมค.59 ฟ้าก็ประทานโปรกาต้าร์มาให้เราแบบไม่ทันตั้งตัว ไปกลับโคเปน 14400 บาทขาดตัว รีบร้อนจองกันตาเหลือก เกือบกดผิดๆถูกๆ กลัวโปรจะปลิวหายไปตอนเย็นๆ สุดท้ายได้ตั๋วโปรมานอนกอดให้ชื่นใจ ดีใจมากนี่ถูกสุดที่เคยได้สำหรับตั๋วไปยุโรป จากนั้นก็จอง SAS จากโคเปน-เรคยาวิค ได้ประมาณ8600 บาท (ภายหลังสายการบินเปลี่ยนเวลา เลยต้องแคนเซิ่ลมาจองIceland air แทน ราคาเท่าๆกัน แต่เวลาไม่ดีเท่าเดิม ทำให้วันแรกต้องปรับแผนเพราะไปถึงบ่าย3จากตอนแรกจะไปถึง10โมงเช้า)
ประมาณมีนาเมษาก็เริ่มศึกษาข้อมูล วางแผนคร่าวๆ(ละเอียดไม่ได้ งานรัดตัว และยังต้องแพลนญี่ปุ่นอีก2ทริปคั่นเวลา อิอิ) เริ่มจองรร.ไว้ให้ครบวันก่อน โดยใช้บริการ booking.com เพราะให้ cancle ฟรีได้ ส่วนตัวเลยชอบจองล่วงหน้านานๆ จะได้ราคาถูกหน่อย เคยจองล่วงหน้า6เดือนตอนไปอัมสเตอดัม ผ่านไป1เดือน ราคาพุ่งเพิ่มไปที่ละ1000-2000+บาทเลยทีเดียว น่ากลัวมาก และไม่ชอบเปรียบเทียบหลายเว็บ เพราะขี้เกียจ แหะๆ เลยคล่องอยุ่เว็บเดียวนี่แหละ
จากนั้นก็เป็นช่วงเอื่อยๆ ช้อปปิ้งพร้อบกันแบบเรื่อยๆเป็นระยะๆ พร้อบแต่ละคนนั้น ราคาเกินค่าตั๋วไปเยอะเชียวค่ะ พากันย่ามใจได้ตั๋วถูก ชั้นได้ตั๋วถูกแล้ว จะซื้อพร้อบเท่าไหร่ก็ได้ !TT –ของจำเป็นที่ควรเตรียมไป มีคนเขียนไว้เยอะแล้ว เพิ่มเติมส่วนตัวประมาณนี้ค่ะ
-ส่วนตัวแล้วที่ซื้อใหม่คือ เสื้อกันหนาวที่กันลม กันหิมะ ที่สำคัญสุดๆต้องกันฝนด้วย ตกลงใจซื้อกับเพจนึง มีหน้าร้านอยู่สะพานควาย ตัวละ 3800บาท ใช้ได้ดีเลยค่ะ ใส่ฮีทเทค+ฟลีทข้างในเพิ่มหลายชั้นหน่อย ก็เอาอยู่ตลอดการเดินทาง เสื้อnorth face อีกตัวที่แบกไปนั้น(แถมกินพื้นที่กระเป๋าไปซะเยอะเพราะตัวใหญ่) แทบไม่ได้ใช้ เพราะตอนนั้นซื้อแบบไม่ได้กันฝนด้วย แต่กันหนาวดีมาก แต่เราเจอฝนกันตลอด กลัวเปียก สุดท้ายก็ใส่ตัวเดิมนั่นล่ะทุกวัน เคยอ่านเจอ ไปIceland ตอนหนาวๆ อย่าห่วงสวย มันจริงค่ะ
- สเปรย์พ่นกันเปียก ซื้อตามเฟสบุ๊คนี่ล่ะค่ะ กระป๋องละ 500บาท พ่นรองเท้าผ้าใบ เป้ กระเป๋าเดินทาง วันสุดท้าย ตัดสินใจพ่นกางเกงกันลมกันหิมะของuniqlo (ที่ยืมมาจากป๊า เพราะงก ไม่อยากเสียตังซื้อเพิ่ม เบอร์L ค่ะ รับกรรมไป พองลมตลอดการเดินทาง) กันฝนกันน้ำได้ดีเลยนะคะ หกล้ม3 รอบ กางเกงก็ไม่เปื้อนน้ำโคลนซักกะติ๊ดเลยค่ะ แต่ดันลืมพ่นกระเป๋าสะพายค่ะ เปียกตลอดการเดินทาง
- ผ้าเช็ดเลนส์กล้องค่ะ สำคัญมาก เพราะต้องเจอฝนบ่อย(เบื่อฝน พูดตลอด เพราะเพื่อนที่ไปด้วยชื่อฝนค่ะ55 แต่ฝนก็มักจะกล่าวแบบนางเอกว่า ถ้าไม่มีฝนก็ไม่มีรุ้งนะ เออ ก็จริง ทริปนี้เราเจอรุ้งกันพร่ำเพรื่อมาก) แถมน้ำตกทุกที่น้ำแรงมาก เลนส์เปียกตลอดค่ะ ตัวเองไม่ได้เอาไป ได้ยืมเพื่อนตลอด
-ถุงกันชื้น เอาไปเยอะๆค่ะ อย่างที่บอก กล้องเปียกตลอด พอเข้ารถก็ใส่ในถุงหรือกระเป๋ากล้องที่มีถุงกันชื้น ช่วยได้มากค่ะ เซฟกล้องนิดนึง เพิ่งซื้อใหม่ก่อนไปแค่1อาทิตย์เองด้วย
- กล้อง กลั้นใจซื้อใหม่ก่อนไปเพราะโอลี่ตัวเก่าสีเพี้ยนมากมาย เห็นได้ชัดตอนไปถ่ายลาเวนเดอร์ ม่วงกลายเป็นน้ำเงินหมดเลย ให้ร้านกล้องที่ไหนแก้ก็ไม่ได้ ตัวเองก็ไม่เชี่ยวชาญอะไรมาก ถนัดออโต้ สรุปได้ XT-10 มาค่ะ ถ่ายแสงเหนือได้นะคะ คอนเฟิร์ม
-ถุง hot pack หาซื้อตามเฟสบุ๊คก่อนไป 10วันเองค่ะ เคยใช้ที่เกาหลี และส่วนตัวเป็นคนขี้หนาว และมือเย็นมาก กะไปล่าแสงเหนือนี่คะ คงต้องอยู่กลางอากาศหนาวๆนานๆ เลยซื้อซะดีกว่า ดีจริงค่ะ บอกเพื่อนซื้อไม่มีใครซื้อไปเลย สุดท้ายเพื่อนบอกน่าจะซื้อมา แต่ด้วยความงกเลยซื้ออันเล็กมา เพราะแพ็กนึงได้20อัน แนะนำเอาแบบถุงใหญ่ไปเลยค่ะ ถุงเล็กมันไม่อุ่นพอ จับแป๊บเดียวก็เย็นแล้ว แต่ดีที่ยัดไปในถุงมือได้เลย ช่วยได้มากเลยค่ะ
-สำหรับบลูลากูน กลัวกล้องพัง เลยเอาแค่ไอโฟนเข้าไปถ่าย เพื่อนใช้เคสกันน้ำ ดีมากค่ะ ไม่ต้องกลัวเปียกเพราะเราเดินไปถ่ายไปอยู่ในน้ำตลอด แต่ก็ดับก็ค้างบ่อยๆนะคะ พอไปขอผ้าแห้งเช็ด ก็ถ่ายได้ใหม่ค่ะ
และที่บลูลากูน เห็นคนใส่กางเกงขาสั้นเหมือนกางเกงเล่นสงกรานต์ลายดอกหลายคนนะคะ เค้าไม่ห้าม ชุดว่ายน้ำแขนยาวขายาวก็ได้หมดค่ะ
-ข้าวปลาอาหาร เตรียมไปให้พร้อมค่ะ ของเรา 12วัน ข้าวคนละ 1กก.จะพอดีค่ะ แต่เราเอาไปแค่3กก. ไม่พอ ต้องได้ซื้อเพิ่ม1.5 กก มีข้าวหอมมะลิขายนะคะ ที่โบนัส kronan กับซุปเปอร์ใหญ่ๆ เราซื้อที่ Kronan กับซุปเปอร์ที่ grundafjorder กก.ละ400กว่าๆISK ค่ะ 100กว่าบาท ครึ่งกก.ประมาณ270-290ISK ถ้าจำไม่ผิด ผงโลโบ มาม่า หมูหยอง ปลากระป๋อง น้ำปลา ซีอิ๊ว น้ำมันหอย ให้ครบค่ะ ใช้หมดทุกอย่าง ตอนแรกเพื่อนบอกไม่ต้องเอาน้ำมันหอยไป แต่เราชอบกินผัดผักใส่น้ำมันหอย ไม่ใส่ไม่อร่อย เลยเอาไป ปรากฏว่า หมดก่อนน้ำปลากับซีอิ๊วอีกค่ะ เพราะเชฟใช้หมักเนื้อไก่ด้วย และใช้ใส่ผัดทุกอย่าง เรากินอาหารร้าน3มื้อค่ะ นอกนั้นทำกินเอง ใส่กล่องกินมื้อเที่ยงด้วย เพราะอาหารที่นู่นแพงมาก main courseจานนึง 5000-6000ISK เกือบ2000บาทเลย ขนาดเพื่อนที่บอก กินอาหารเค้าบ้างก็ได้แก ไม่ต้องทำทุกวันหรอก ยังต้องยอม (แต่ถูกใจเราค่ะ เพราะกินอาหารฝรั่งไม่เก่ง กินข้าวนี่เติมตลอด พูดอย่างไม่อายว่ากินมากกว่าเพื่อนผู้ชายที่ไป2เท่าค่ะ55) เนื้อหมูบดที่โบนัส ค่อนข้างคาวมาก ต้องปรุงเพิ่มนะคะ ใส่พริกไทยกับซีอิ๊วตอนสับด้วย กลบกลิ่นค่ะ มีรอบนึงสับแล้วแกงเลย คาวมาก กินไม่ได้เลยค่ะ
-องุ่น ยี่ห้อ royalty เท่านั้นค่ะ ลูกใหญ่หวานกรอบ ชื่นใจมาก ซื้อยี่ห้ออื่นมากินก็ไม่อร่อยเท่าค่ะ และผลไม้ในถุง หยิบเพิ่มหยิบออกได้นะคะ ไม่ต้องซื้อทั้งถุง และเลือกได้ เค้าไม่ว่า จะไปชั่งนน.คิดราคาที่เคาน์เตอร์ หอมหัวใหญ่ หยิบมาลูกเดียวเค้าก็ขายค่ะ ขนมกรุบกรอบตามซุปเปอร์ ซื้อมากินเถอะค่ะ อร่อยเกือบทุกอย่าง กินจุ๊บจั๊บตลอดทาง นน.ขึ้นคนละ2กก.ทีเดียว เพื่อนบอกอุตส่าห์ฟิตเนสมาอย่างดีกล้ามฟีบพุงออกไปเลย อ้อ ขอเตือนนะคะ ยกเว้นเยลลี่สีดำๆทั้งหลาย รสชาติเหมือนชวนป๋วยแต่แย่กว่า ชาวคณะลงมติให้ทิ้งอย่างไม่ต้องเสียดายค่ะ
-ปั๊มN1ที่อยู่ติดกับสนามบิน ต้องใช้บัตรเครดิตที่มีพินเท่านั้น ไม่มีบัตรขาย ไม่มีที่ให้จ่ายเงินสด เป็นตู้อัตโนมัติเท่านั้นค่ะ ควรเติมน้ำมันที่ปั๊มนอกสนามบินเข้าไปเลยก่อนคืนรถ ใกล้สุดที่หาเจอคือปั๊ม OLIS จะเติมเท่าไหร่ก็ได้ ตั้งแต่1000ISK จ่ายตังที่เคาร์เตอร์ เค้าจะคีย์เติมเงินในบัตรให้ เหมือนเป็นบัตรเติมเงิน แล้วแต่จะเติมเท่าไหร่ ส่วนN1นั้น ต้องซื้อเป็นบัตรขั้นต่ำใบละ10000ISK เติมเงินไม่ได้ หมดก็ซื้อใบใหม่
เอ๊ะ นี่ยังไม่เข้าภาคส่วนการท่องเที่ยวเลยเหรอคะ โม้ไปซะเยอะ เริ่มเลยละกันนะคะ
ทัวร์(พยายาม)ล่าแสงเหนือของเรา เดินทางกัน 22 ตค-4พย. 59 ค่ะ ไปถึง โคเปน ค่ำ22 ตค. พักก่อน1คืน พักที่ Copenhagen go hotel ค่ะ ใกล้สนามบิน 1สถานีรถไฟเองค่ะ ลงที่ tarnby station ค่ารถไฟเที่ยวเดียว 24 DKK ตั๋ววัน zone 1-4 80 Dkk
รร.ใช้ได้ค่ะ ใหม่ สะอาด นอนสบาย แคบหน่อยก็ตามปกติ แต่ที่ได้รีวิวน้อย คงเพราะห้องน้ำค่ะ ตรงฝักบัวแคบมากและอยุ่ติดโถส้วม อาบน้ำลำบากนิดนึง ขนาดเราเป็นคนตัวไม่ใหญ่ ฝรั่งตัวใหญ่คงลำบากน่าดู น้ำก๊อก(เย็น)กินได้ค่ะ แต่มีกลิ่นแปลกๆนิดหน่อย ใครไม่ชอบก็พกกาต้มน้ำเล็กๆไปด้วยหรือซื้อเอา ก็แพงนิดนึง อีกอย่างตอนออกจากสถานี ต้องข้ามถนนนะคะ มีทางข้ามแบบลอดใต้ดิน ดังนั้นต้องแบกกระเป๋าขึ้นลงบันไดกันเล็กน้อยค่ะ ที่ tarnby station มีซุปเปอร์เล็กๆ มีของกินเพียบพร้อมค่ะ ซื้อตั๋ววันได้ที่ซุปเปอร์นี้ด้วยค่ะ ถ้าไปถึงค่ำและอยากหาอะไรกินก็สะดวกดี น่าจะเปิดดึกนะคะ เดินผ่าน5ทุ่มกว่าก็ยังเปิด แต่เราเริ่มต้นกันด้วย ต้มมาม่าค่ะ55

นี่คือแพลนเที่ยวจริงและเอาไปขอวีซ่าค่ะ
Plan iceland 23 oct-4nov 2016
[CR] ทริป(พยายาม)ตามล่าแสงเหนือที่iceland ฉบับคนขี้โม้
คำเตือน:รูปที่ถ่ายนี้ ถ่ายโดยมือสมัครเล่น ถ่ายเป็นแค่ออโต้ โดยXT10 16-50 ไม่แต่งรูปใดๆ เพราะอ่อนเทคโนโลยีทุกสิ่งอย่าง รูปอาจสวยบ้าง ไม่สวยบ้างเอียงบ้าง ถือว่าดูเล่นๆไปนะคะ ส่วนตัวก็คิดว่า คงสวย55 แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่ากล้องดีแค่ไหน รูปสวยแค่ไหน ก็ไม่สวยเท่าดูด้วยตาตัวเองค่ะ ของจริงสวยกว่ารูปมากๆ นี่คือเหตุผลที่เราควรออกไปท่องเที่ยวด้วยตัวเองนะคะ เรื่องราวระหว่างทางก็เป็นอะไรที่ประทับใจมากต่างๆกันไปในแต่ละทริป โดยรวมทริปนี้สนุก สวยงาม ประทับใจ ให้ 10เต็ม10เลยค่ะ ส่วนบางรูปที่สวยคมชัดมากๆนั่น ยืมมาจากกล้องเพื่อนค่ะ cannon+เลนส์ใหญ่ๆ แลดูมืออาชีพมาก
ส่วนรูปแบบการโพสนี้ ตั้งใจเก็บไว้เป็นบันทึกการเดินทางของตัวเองด้วย จึงออกแนวโม้ซะมาก คิดซะว่าฟังเพื่อนโม้ละกันนะคะ หากรายละเอียดเลอะเทอะยืดยาวไปบ้างต้องขออภัย แต่ก็หวังว่าจะมีข้อมูลบางส่วนที่พอเป็นประโยชน์กับคนที่แพลนจะไปได้บ้างนะคะ มือใหม่หัดโพสขอฝากตัวด้วยค่า
เริ่มต้นจากที่เพื่อนคนหนึ่งได้ไปเที่ยวที่icelandก่อนหน้าเรา ตั้งแต่หน้าร้อน3ปีที่แล้ว รูปสวยมาก ประกอบกับเป็นประเทศในฝันอยุ่แล้ว เลยเกิดทริปนี้ขึ้นมา ขั้นแรกก็คิดว่าจะเจอมั้ยนะแสงเหนือนี่ พยากรณ์บอกมันลดลงๆทุกปีละ ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว จะชวดมั้ยถ้าไปหน้าหนาว หรือจะไปกค.แบบเพื่อนดี หน้าร้อนก็สวยมาก ตกลงใจว่าจะลองลุ้นหน้าหนาวนี่แหละ ไหนๆก็จะไปทั้งที เสี่ยงดวงกันหน่อย ตกลงใจได้ขั้นต่อมาก็หาเพื่อนสิคะ จะรออะไร เป็นคนไม่ชอบเที่ยวคนเดียวค่ะ ชอบมีเพื่อนเฮฮาเม้ามอยสนุกสนาน เคยแยกตัวไปเที่ยวคนเดียวที่เกียวโตครึ่งวัน รู้สึกเงียบเหงามาก น้ำลายบูดไปเลย ปัญหาแรกของการหาเพื่อนเที่ยวเมื่ออายุเราล่วงเลยมาถึงวัยกลางคนแล้ว(ปวดใจจัง)ก็คือเพื่อนเที่ยวหายากพอๆกับหาแฟนค่ะ เพื่อนสนิทที่เคยกอดคอกันตะลอนเที่ยวต่างแต่งงานมีลูกมีครอบครัว งานรัดตัว วันลาก็น้อย วันว่างก็ไม่ตรงกัน เลยชวนเพื่อนสมัยเรียนที่ยังโสด ได้สมาชิกเริ่มต้นมา3คน แพลนจะไปตค.-พย.59 ชวนกันตั้งแต่ กค.58ค่ะ555 จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกเข้าออกหลายรอบมาก จนมาลงตัวที่ผู้เข้ารอบ5คนสุดท้าย จ้องตั๋วโปรกันทุกวัน จนมค.59 ฟ้าก็ประทานโปรกาต้าร์มาให้เราแบบไม่ทันตั้งตัว ไปกลับโคเปน 14400 บาทขาดตัว รีบร้อนจองกันตาเหลือก เกือบกดผิดๆถูกๆ กลัวโปรจะปลิวหายไปตอนเย็นๆ สุดท้ายได้ตั๋วโปรมานอนกอดให้ชื่นใจ ดีใจมากนี่ถูกสุดที่เคยได้สำหรับตั๋วไปยุโรป จากนั้นก็จอง SAS จากโคเปน-เรคยาวิค ได้ประมาณ8600 บาท (ภายหลังสายการบินเปลี่ยนเวลา เลยต้องแคนเซิ่ลมาจองIceland air แทน ราคาเท่าๆกัน แต่เวลาไม่ดีเท่าเดิม ทำให้วันแรกต้องปรับแผนเพราะไปถึงบ่าย3จากตอนแรกจะไปถึง10โมงเช้า)
ประมาณมีนาเมษาก็เริ่มศึกษาข้อมูล วางแผนคร่าวๆ(ละเอียดไม่ได้ งานรัดตัว และยังต้องแพลนญี่ปุ่นอีก2ทริปคั่นเวลา อิอิ) เริ่มจองรร.ไว้ให้ครบวันก่อน โดยใช้บริการ booking.com เพราะให้ cancle ฟรีได้ ส่วนตัวเลยชอบจองล่วงหน้านานๆ จะได้ราคาถูกหน่อย เคยจองล่วงหน้า6เดือนตอนไปอัมสเตอดัม ผ่านไป1เดือน ราคาพุ่งเพิ่มไปที่ละ1000-2000+บาทเลยทีเดียว น่ากลัวมาก และไม่ชอบเปรียบเทียบหลายเว็บ เพราะขี้เกียจ แหะๆ เลยคล่องอยุ่เว็บเดียวนี่แหละ
จากนั้นก็เป็นช่วงเอื่อยๆ ช้อปปิ้งพร้อบกันแบบเรื่อยๆเป็นระยะๆ พร้อบแต่ละคนนั้น ราคาเกินค่าตั๋วไปเยอะเชียวค่ะ พากันย่ามใจได้ตั๋วถูก ชั้นได้ตั๋วถูกแล้ว จะซื้อพร้อบเท่าไหร่ก็ได้ !TT –ของจำเป็นที่ควรเตรียมไป มีคนเขียนไว้เยอะแล้ว เพิ่มเติมส่วนตัวประมาณนี้ค่ะ
-ส่วนตัวแล้วที่ซื้อใหม่คือ เสื้อกันหนาวที่กันลม กันหิมะ ที่สำคัญสุดๆต้องกันฝนด้วย ตกลงใจซื้อกับเพจนึง มีหน้าร้านอยู่สะพานควาย ตัวละ 3800บาท ใช้ได้ดีเลยค่ะ ใส่ฮีทเทค+ฟลีทข้างในเพิ่มหลายชั้นหน่อย ก็เอาอยู่ตลอดการเดินทาง เสื้อnorth face อีกตัวที่แบกไปนั้น(แถมกินพื้นที่กระเป๋าไปซะเยอะเพราะตัวใหญ่) แทบไม่ได้ใช้ เพราะตอนนั้นซื้อแบบไม่ได้กันฝนด้วย แต่กันหนาวดีมาก แต่เราเจอฝนกันตลอด กลัวเปียก สุดท้ายก็ใส่ตัวเดิมนั่นล่ะทุกวัน เคยอ่านเจอ ไปIceland ตอนหนาวๆ อย่าห่วงสวย มันจริงค่ะ
- สเปรย์พ่นกันเปียก ซื้อตามเฟสบุ๊คนี่ล่ะค่ะ กระป๋องละ 500บาท พ่นรองเท้าผ้าใบ เป้ กระเป๋าเดินทาง วันสุดท้าย ตัดสินใจพ่นกางเกงกันลมกันหิมะของuniqlo (ที่ยืมมาจากป๊า เพราะงก ไม่อยากเสียตังซื้อเพิ่ม เบอร์L ค่ะ รับกรรมไป พองลมตลอดการเดินทาง) กันฝนกันน้ำได้ดีเลยนะคะ หกล้ม3 รอบ กางเกงก็ไม่เปื้อนน้ำโคลนซักกะติ๊ดเลยค่ะ แต่ดันลืมพ่นกระเป๋าสะพายค่ะ เปียกตลอดการเดินทาง
- ผ้าเช็ดเลนส์กล้องค่ะ สำคัญมาก เพราะต้องเจอฝนบ่อย(เบื่อฝน พูดตลอด เพราะเพื่อนที่ไปด้วยชื่อฝนค่ะ55 แต่ฝนก็มักจะกล่าวแบบนางเอกว่า ถ้าไม่มีฝนก็ไม่มีรุ้งนะ เออ ก็จริง ทริปนี้เราเจอรุ้งกันพร่ำเพรื่อมาก) แถมน้ำตกทุกที่น้ำแรงมาก เลนส์เปียกตลอดค่ะ ตัวเองไม่ได้เอาไป ได้ยืมเพื่อนตลอด
-ถุงกันชื้น เอาไปเยอะๆค่ะ อย่างที่บอก กล้องเปียกตลอด พอเข้ารถก็ใส่ในถุงหรือกระเป๋ากล้องที่มีถุงกันชื้น ช่วยได้มากค่ะ เซฟกล้องนิดนึง เพิ่งซื้อใหม่ก่อนไปแค่1อาทิตย์เองด้วย
- กล้อง กลั้นใจซื้อใหม่ก่อนไปเพราะโอลี่ตัวเก่าสีเพี้ยนมากมาย เห็นได้ชัดตอนไปถ่ายลาเวนเดอร์ ม่วงกลายเป็นน้ำเงินหมดเลย ให้ร้านกล้องที่ไหนแก้ก็ไม่ได้ ตัวเองก็ไม่เชี่ยวชาญอะไรมาก ถนัดออโต้ สรุปได้ XT-10 มาค่ะ ถ่ายแสงเหนือได้นะคะ คอนเฟิร์ม
-ถุง hot pack หาซื้อตามเฟสบุ๊คก่อนไป 10วันเองค่ะ เคยใช้ที่เกาหลี และส่วนตัวเป็นคนขี้หนาว และมือเย็นมาก กะไปล่าแสงเหนือนี่คะ คงต้องอยู่กลางอากาศหนาวๆนานๆ เลยซื้อซะดีกว่า ดีจริงค่ะ บอกเพื่อนซื้อไม่มีใครซื้อไปเลย สุดท้ายเพื่อนบอกน่าจะซื้อมา แต่ด้วยความงกเลยซื้ออันเล็กมา เพราะแพ็กนึงได้20อัน แนะนำเอาแบบถุงใหญ่ไปเลยค่ะ ถุงเล็กมันไม่อุ่นพอ จับแป๊บเดียวก็เย็นแล้ว แต่ดีที่ยัดไปในถุงมือได้เลย ช่วยได้มากเลยค่ะ
-สำหรับบลูลากูน กลัวกล้องพัง เลยเอาแค่ไอโฟนเข้าไปถ่าย เพื่อนใช้เคสกันน้ำ ดีมากค่ะ ไม่ต้องกลัวเปียกเพราะเราเดินไปถ่ายไปอยู่ในน้ำตลอด แต่ก็ดับก็ค้างบ่อยๆนะคะ พอไปขอผ้าแห้งเช็ด ก็ถ่ายได้ใหม่ค่ะ
และที่บลูลากูน เห็นคนใส่กางเกงขาสั้นเหมือนกางเกงเล่นสงกรานต์ลายดอกหลายคนนะคะ เค้าไม่ห้าม ชุดว่ายน้ำแขนยาวขายาวก็ได้หมดค่ะ
-ข้าวปลาอาหาร เตรียมไปให้พร้อมค่ะ ของเรา 12วัน ข้าวคนละ 1กก.จะพอดีค่ะ แต่เราเอาไปแค่3กก. ไม่พอ ต้องได้ซื้อเพิ่ม1.5 กก มีข้าวหอมมะลิขายนะคะ ที่โบนัส kronan กับซุปเปอร์ใหญ่ๆ เราซื้อที่ Kronan กับซุปเปอร์ที่ grundafjorder กก.ละ400กว่าๆISK ค่ะ 100กว่าบาท ครึ่งกก.ประมาณ270-290ISK ถ้าจำไม่ผิด ผงโลโบ มาม่า หมูหยอง ปลากระป๋อง น้ำปลา ซีอิ๊ว น้ำมันหอย ให้ครบค่ะ ใช้หมดทุกอย่าง ตอนแรกเพื่อนบอกไม่ต้องเอาน้ำมันหอยไป แต่เราชอบกินผัดผักใส่น้ำมันหอย ไม่ใส่ไม่อร่อย เลยเอาไป ปรากฏว่า หมดก่อนน้ำปลากับซีอิ๊วอีกค่ะ เพราะเชฟใช้หมักเนื้อไก่ด้วย และใช้ใส่ผัดทุกอย่าง เรากินอาหารร้าน3มื้อค่ะ นอกนั้นทำกินเอง ใส่กล่องกินมื้อเที่ยงด้วย เพราะอาหารที่นู่นแพงมาก main courseจานนึง 5000-6000ISK เกือบ2000บาทเลย ขนาดเพื่อนที่บอก กินอาหารเค้าบ้างก็ได้แก ไม่ต้องทำทุกวันหรอก ยังต้องยอม (แต่ถูกใจเราค่ะ เพราะกินอาหารฝรั่งไม่เก่ง กินข้าวนี่เติมตลอด พูดอย่างไม่อายว่ากินมากกว่าเพื่อนผู้ชายที่ไป2เท่าค่ะ55) เนื้อหมูบดที่โบนัส ค่อนข้างคาวมาก ต้องปรุงเพิ่มนะคะ ใส่พริกไทยกับซีอิ๊วตอนสับด้วย กลบกลิ่นค่ะ มีรอบนึงสับแล้วแกงเลย คาวมาก กินไม่ได้เลยค่ะ
-องุ่น ยี่ห้อ royalty เท่านั้นค่ะ ลูกใหญ่หวานกรอบ ชื่นใจมาก ซื้อยี่ห้ออื่นมากินก็ไม่อร่อยเท่าค่ะ และผลไม้ในถุง หยิบเพิ่มหยิบออกได้นะคะ ไม่ต้องซื้อทั้งถุง และเลือกได้ เค้าไม่ว่า จะไปชั่งนน.คิดราคาที่เคาน์เตอร์ หอมหัวใหญ่ หยิบมาลูกเดียวเค้าก็ขายค่ะ ขนมกรุบกรอบตามซุปเปอร์ ซื้อมากินเถอะค่ะ อร่อยเกือบทุกอย่าง กินจุ๊บจั๊บตลอดทาง นน.ขึ้นคนละ2กก.ทีเดียว เพื่อนบอกอุตส่าห์ฟิตเนสมาอย่างดีกล้ามฟีบพุงออกไปเลย อ้อ ขอเตือนนะคะ ยกเว้นเยลลี่สีดำๆทั้งหลาย รสชาติเหมือนชวนป๋วยแต่แย่กว่า ชาวคณะลงมติให้ทิ้งอย่างไม่ต้องเสียดายค่ะ
-ปั๊มN1ที่อยู่ติดกับสนามบิน ต้องใช้บัตรเครดิตที่มีพินเท่านั้น ไม่มีบัตรขาย ไม่มีที่ให้จ่ายเงินสด เป็นตู้อัตโนมัติเท่านั้นค่ะ ควรเติมน้ำมันที่ปั๊มนอกสนามบินเข้าไปเลยก่อนคืนรถ ใกล้สุดที่หาเจอคือปั๊ม OLIS จะเติมเท่าไหร่ก็ได้ ตั้งแต่1000ISK จ่ายตังที่เคาร์เตอร์ เค้าจะคีย์เติมเงินในบัตรให้ เหมือนเป็นบัตรเติมเงิน แล้วแต่จะเติมเท่าไหร่ ส่วนN1นั้น ต้องซื้อเป็นบัตรขั้นต่ำใบละ10000ISK เติมเงินไม่ได้ หมดก็ซื้อใบใหม่
เอ๊ะ นี่ยังไม่เข้าภาคส่วนการท่องเที่ยวเลยเหรอคะ โม้ไปซะเยอะ เริ่มเลยละกันนะคะ
ทัวร์(พยายาม)ล่าแสงเหนือของเรา เดินทางกัน 22 ตค-4พย. 59 ค่ะ ไปถึง โคเปน ค่ำ22 ตค. พักก่อน1คืน พักที่ Copenhagen go hotel ค่ะ ใกล้สนามบิน 1สถานีรถไฟเองค่ะ ลงที่ tarnby station ค่ารถไฟเที่ยวเดียว 24 DKK ตั๋ววัน zone 1-4 80 Dkk
รร.ใช้ได้ค่ะ ใหม่ สะอาด นอนสบาย แคบหน่อยก็ตามปกติ แต่ที่ได้รีวิวน้อย คงเพราะห้องน้ำค่ะ ตรงฝักบัวแคบมากและอยุ่ติดโถส้วม อาบน้ำลำบากนิดนึง ขนาดเราเป็นคนตัวไม่ใหญ่ ฝรั่งตัวใหญ่คงลำบากน่าดู น้ำก๊อก(เย็น)กินได้ค่ะ แต่มีกลิ่นแปลกๆนิดหน่อย ใครไม่ชอบก็พกกาต้มน้ำเล็กๆไปด้วยหรือซื้อเอา ก็แพงนิดนึง อีกอย่างตอนออกจากสถานี ต้องข้ามถนนนะคะ มีทางข้ามแบบลอดใต้ดิน ดังนั้นต้องแบกกระเป๋าขึ้นลงบันไดกันเล็กน้อยค่ะ ที่ tarnby station มีซุปเปอร์เล็กๆ มีของกินเพียบพร้อมค่ะ ซื้อตั๋ววันได้ที่ซุปเปอร์นี้ด้วยค่ะ ถ้าไปถึงค่ำและอยากหาอะไรกินก็สะดวกดี น่าจะเปิดดึกนะคะ เดินผ่าน5ทุ่มกว่าก็ยังเปิด แต่เราเริ่มต้นกันด้วย ต้มมาม่าค่ะ55
นี่คือแพลนเที่ยวจริงและเอาไปขอวีซ่าค่ะ
Plan iceland 23 oct-4nov 2016